ลดความยุ่งยากในการใช้คลาวด์ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่

cloud infrastructure vs cloud architecture
Home Cloud Infrastructure vs Cloud Architecture ความแตกต่างที่ผู้บริหารไอทีต้องเข้าใจ

Cloud Infrastructure vs Cloud Architecture ความแตกต่างที่ผู้บริหารไอทีต้องเข้าใจ

ในยุคดิจิทัลที่องค์กรทุกแห่งกำลังปรับหนีจากระบบแบบ On-Premise ไปสู่ Cloud สองคำศัพท์ที่มักสับสนกันคือ Cloud Infrastructure และ Cloud Architecture พบกันในบทความนี้เพื่อให้เข้าใจความแตกต่าง พร้อมแนะแนวทางออกแบบระบบคลาวด์ให้เหมาะสม ลดต้นทุน เพิ่มความเสถียร และรองรับธุรกิจไทยยุคใหม่

Cloud Infrastructure คืออะไร? ทำความเข้าใจให้มากขึ้น

Cloud Infrastructure หมายถึงสิ่งที่จับต้องได้และทำงานจริงในระบบคลาวด์ เช่น เซิร์ฟเวอร์, Storage, เครือข่าย, Load Balancer, Firewall และระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การดูแลและจัดสรรในศูนย์ข้อมูลหรือ Data Center

องค์ประกอบหลักของโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ ได้แก่

  1. Compute – Virtual Machines (VM), Containers, CPU, RAM
  2. Storage – Block Storage, Object Storage, File System เช่น SSD, NAS
  3. Network – VPC, Subnet, Load Balancers, VPN Gateway
  4. Security – Firewall, WAF, DDoS Protection, Encryption
  5. Physical Data Center – Cooling, Power, Rack, Physical Host

โดยรวมแล้ว Cloud Infrastructure คือโครงสร้างที่รองรับการใช้งานจริง เน้นที่ประสิทธิภาพ, ความเสถียร และความสามารถในการขยายตัวของระบบ

รู้จัก Cloud Architecture คืออะไร?

Cloud Architecture

ต่างจากโครงสร้างพื้นฐานโดยสิ้นเชิง Cloud Architecture คือการออกแบบระบบคลาวด์ในมุมมองการใช้งานจริง ที่รวมองค์ประกอบหลายอย่างเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดระบบที่สามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจได้ เช่น ระบบ High Availability, Disaster Recovery, Scalability, CI/CD, Security และ Observability

ลักษณะของ Architecture ประกอบด้วย

  • การแบ่ง Layer ตามหน้าที่ เช่น Web Front-end, API, Database
  • การออกแบบเครือข่ายแบบ Multi-AZ หรือ Multiregion
  • การจัดระบบ Backup และ Recovery ที่รองรับธุรกิจต่อเนื่อง
  • การวางบริการ Monitoring, Logging, และ Alert เพื่อลด Downtime

ในภาพรวม Cloud Architecture คือ “Blueprint” สำหรับนำ Cloud Infrastructure มาใช้อย่างมีแบบแผนตามเป้าหมายธุรกิจ

เปรียบเทียบระหว่างโครงสร้างพื้นฐานและสถาปัตยกรรม

Cloud Infrastructure vs Cloud Architecture

ทำไมต้องแยกความแตกต่างทั้งสอง?

  1. การจัดการทีม คนดูแลโครงสร้างพื้นฐานอาจไม่ใช่คนออกแบบระบบ ควรแยกหน้าที่กันชัดเจน
  2. การปรับปรุงประสิทธิภาพ แก้ไข Infrastructure เช่นเพิ่ม Storage ยังไงให้ระบบ Architecture รองรับ?
  3. การควบคุมต้นทุน ลดค่าใช้จ่ายได้จากการเลือกใช้ Infrastructure แบบเหมาะสม และ Architecture ที่ออกแบบมาอย่างมีประสิทธิภาพ
  4. เตรียมพร้อมอนาคต ถ้าต้องเพิ่มระบบ AI, Analytics, IoT และ DevOps, Cloud Architecture ต้องรองรับได้จากต้นทาง

แนวทางออกแบบระบบคลาวด์ให้ได้ผลตามเป้าหมายองค์กร

1. ประเมินความต้องการ

  • ใช้ CPU/RAM/Storage เท่าไหร่ต่อเดือน?
  • throughput / response time ที่ต้องการคือเท่าไร?
  • ข้อมูลมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างไรต่อปี?

2. วางโครงสร้าง Infrastructure

  • เลือก Data Center ใน Region ที่เหมาะสมกับผู้ใช้
  • เลือก VM ขนาดที่เหมาะสม
  • กำหนด Storage แบบ block กับ object ตามประเภทข้อมูล
  • วางระบบเครือข่ายรวมถึง Load Balancer, VPN

3. ออกแบบ Architecture

  • แยกระบบตามหน้าที่ Web / App / DB
  • วางระบบ Auto‐Scaling, High Availability, Multi-AZ
  • วางระบบ Backup/DRสำหรับไฟล์สำคัญ
  • ออกแบบ CI/CD Pipeline เช่น Jenkins หรือ GitLab
  • ติดตั้ง Monitoring และ Logging เช่น Prometheus, Grafana

4. รันจริง + Monitor

  • ทดสอบ Load และแก้ Bottleneck
  • วาง Monitoring เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพ
  • ทำ DR Drill เพื่อประเมินการฟื้นตัวของระบบ

5. ปรับปรุงและ optimize

  • ปรับ VM / Storage ให้เหมาะสม
  • ปรับ Database / Caching เพื่อเร่งความเร็ว
  • ลดค่าใช้จ่ายผ่าน Reserved/Spot Instances

สรุป

Cloud Infrastructure คือโครงสร้างพื้นฐานจริงที่นำมาใช้บนคลาวด์ ส่วน Cloud Architecture คือแนวทางการออกแบบระบบให้ตอบโจทย์ธุรกิจโดยใช้โครงสร้างเหล่านั้น การแยกหน้าที่ชัดเจนช่วยลดความผิดพลาด และทำให้ระบบมีความเสถียร ยืดหยุ่น และประหยัด

หากคุณต้องการออกแบบระบบคลาวด์ตั้งแต่ส่วน Infrastructure จนถึง Architecture อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจ ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญของ THAI DATA CLOUD เราพร้อมให้คำปรึกษา และออกแบบระบบตามมาตรฐานระดับองค์กร

สอบถามข้อมูลบริการ

Hybrid Cloud Enterprise Downtime 0%
ไม่ล่มแม้แต่วินาทีเดียว

ต่อเนื่องเป็นเวลา 6 ปี ตั้งแต่ 2019 - ปัจจุบัน

เราให้บริการ Enterprise Cloud ในราคาถูกและคุ้มค่า เพื่อสนับสนุนให้ทุกธุรกิจของคนไทยได้เข้าถึง Cloud ระดับโลก
คุณภาพสูงทำงานได้ต่อเนื่องตลอดเวลา ไม่มีสะดุด พร้อมสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจคุณอย่างเต็มที่!