
Cloud Migration 2025 จุดเปลี่ยนสำคัญที่องค์กรต้องเร่งย้ายสู่คลาวด์
ปี 2025 ถูกมองว่าเป็น Inflection Point หรือจุดเปลี่ยนสำคัญของการ Cloud Migration สำหรับองค์กรทั่วโลก และสำหรับไทยเองก็มีสัญญาณหลายอย่างที่บ่งชี้ว่าเวลานี้คือจังหวะที่ไม่ควรปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่ลงมือทำ
- AWS ชี้ว่าองค์กรสามารถลดค่าใช้จ่ายรวม (TCO) ได้ถึง 40% เมื่อย้ายระบบไปใช้คลาวด์
- งานวิจัยอธิบายว่า workloads บน on-premises มัก overprovision มากกว่า 80% หลายองค์กรจ่ายทรัพยากรเกินจำเป็น
- แนวโน้มโลก: ธุรกิจหลายแห่งเร่งนโยบาย digital transformation พร้อมเร่งโครงการย้ายระบบคลาวด์
- ภายในประเทศไทย เริ่มเห็นนโยบายสนับสนุน เช่น “Cloud First” สำหรับหน่วยราชการ และร่างแนวทางการจัดประเภทข้อมูลท้องถิ่น
- ตลาดบริการย้ายระบบ (Cloud Migration Service) ทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเงื่อนไขเหล่านี้ องค์กรที่ยังลังเลอาจถูกทิ้งให้ตามหลัง ทั้งด้านต้นทุน ความเร็วในการพัฒนาธุรกิจ และความสามารถแข่งขันในยุคดิจิทัล
ธนาคาร CBA ของออสเตรเลียย้ายระบบ Core Banking สู่ AWS

ปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงจุดเปลี่ยนขององค์กรทั่วไปเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาคการเงินระดับโลก
Commonwealth Bank of Australia (CBA) หนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย
ได้ประกาศย้าย ระบบ Core Banking ทั้งหมดขึ้น Amazon Web Services (AWS) สำเร็จ
นับเป็นสถาบันการเงินรายแรกของโลกที่ย้ายระบบธุรกรรมหลักสู่ Public Cloud อย่างสมบูรณ์
💬 Andrew Hinchliff, Group Executive ของ CBA กล่าวว่า
“นี่ไม่ใช่แค่การอัปเกรดระบบ แต่คือการเปลี่ยนดีเอ็นเอขององค์กร เพื่อให้บริการลูกค้าได้เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และพร้อมต่อยอดสู่ AI และ Analytics ได้ทันที”
กรณีของ CBA คือหลักฐานสำคัญว่า การย้ายระบบสู่คลาวด์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่อุตสาหกรรมเทคโนโลยี แต่สามารถเกิดขึ้นได้แม้กับธุรกิจที่มีข้อบังคับเข้มงวดที่สุด หากวางกลยุทธ์อย่างถูกต้อง และมีพันธมิตร Cloud ที่เชื่อถือได้
ตัวแปรยุค 2025 ที่เร่งให้เกิด Cloud Migration

การย้ายระบบไป Cloud ไม่ได้เป็นแค่เทรนด์ แต่เป็นผลลัพธ์จากปัจจัยสำคัญหลายอย่างที่มาบรรจบ
1. การหมดอายุของสัญญา Hardware / data center lease
หลายองค์กรถึงจุดที่ต้องต่ออายุเซิร์ฟเวอร์หรือโครงสร้างพื้นฐาน ขณะเดียวกันการย้ายไป Cloud กลายเป็นทางเลือกที่คุ้มกว่าการต่ออายุอุปกรณ์เก่า
2. เทคโนโลยี AI / ML ต้องอาศัยโครงสร้างคลาวด์
AI และ ML ในยุคใหม่ต้องการ compute ที่ยืดหยุ่น ปรับตามโหลด ซึ่งบน on-premises มักจำกัดได้มาก การย้ายระบบเป็นพื้นฐานให้ AI เป็นส่วนหนึ่งของ workload
3. ความต้องการด้านความยั่งยืน (Sustainability)
ผู้ให้บริการ Cloud มักมีการจัดการพลังงานและนวัตกรรมด้านประสิทธิภาพพลังงานมากกว่า data center แบบเดิม เป็นข้อได้เปรียบด้าน ESG
4. ข้อจำกัดเชิงนโยบาย และความปลอดภัย
หลายรัฐบาลเริ่มออกนโยบาย “Cloud First / Government Cloud” เพื่อเร่งการแปลงระบบให้ทันสมัยและปลอดภัย เช่นในประเทศไทย
5. แรงกดดันทางการแข่งขัน
เมื่อลูกค้าคาดหวังความเร็วในการพัฒนา digital service องค์กรที่ยังอยู่บน legacy infrastructure จะไม่สามารถแข่งขันได้
เมื่อปัจจัยเหล่านี้มาบรรจบกัน ปี 2025 จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่องค์กรต้องตัดสินใจ
ประโยชน์หลักของการย้ายระบบไป Cloud สำหรับองค์กร
การย้ายระบบขึ้นสู่ Cloud ให้ประโยชน์ที่ชัดเจนหลายประการ
- ลดต้นทุน (Cost Efficiency) ขจัดการ overprovisioning และจ่ายเฉพาะทรัพยากรที่ใช้งาน
- เพิ่มความเร็วในการทำงาน (Agility / Time-to-Market) การ deploy / scale ทำได้เร็วและยืดหยุ่น
- เสริมความเสถียร & ความพร้อมใช้งานสูง (High Availability & Reliability) ระบบสำรอง across zones / regions
- การปรับขนาดอัตโนมัติ (Auto Scaling) รองรับ load ผันผวนได้ทันที
- ความปลอดภัย & Governance ที่ดีขึ้น cloud providers มักมีเครื่องมือ security built-in และ compliance framework
- รองรับ Innovation / Integration ได้ง่าย เชื่อมระบบใหม่ ๆ เช่น AI, Big Data, Microservices ได้เร็ว
องค์กรไทยโดยเฉพาะ มักมองว่า การ ย้ายระบบไป Cloud เป็นก้าวสำคัญสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลเต็มตัว
แนวทางยุทธศาสตร์ในการย้ายระบบขึ้นสู่ Cloud
- ประเมินระบบปัจจุบัน (Assessment & Discovery)
วิเคราะห์ workloads, dependencies, ต้นทุน และความเหมาะสมของแต่ละแอป - กำหนดกลยุทธ์การย้าย (Migration Strategy)
เลือกรูปแบบที่เหมาะสม Rehost, Replatform, Refactor หรือ Hybrid - ออกแบบโครงสร้างพื้นฐานใหม่ (Cloud Architecture Design)
เลือก region, ตั้งค่า network, IAM, และ security model ให้สอดคล้องกับ compliance - ดำเนินการย้ายระบบ (Migration Execution)
ใช้เครื่องมืออย่าง migration tools หรือ CloudEndure เพื่อย้าย workloads อย่างปลอดภัย - ปรับแต่งหลังย้าย (Optimization & Modernization)
เพิ่มประสิทธิภาพด้วย serverless, container, หรือ AI services เพื่อให้ระบบพร้อมต่อยอด - บริหารจัดการระยะยาว (Governance & FinOps)
ควบคุมค่าใช้จ่ายและวางระบบติดตามการใช้งาน พร้อม backup และ disaster recovery
ความเสี่ยง และข้อควรระวังในการย้ายระบบไป Cloud
แม้ Cloud Migration จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีความเสี่ยงที่องค์กรควรรับมือ อาทิ
- ค่าใช้จ่ายแบบซ่อนเร้น (Unexpected Costs) เช่น ค่า egress, licensing, usage spikes
- ปัญหาประสิทธิภาพ (Performance Issues) latency, bandwidth constraints
- ความเข้ากันได้ (Compatibility) แอปพลิเคชัน legacy บางตัวอาจไม่รองรับ cloud
- ความมั่นคงปลอดภัย (Security & Compliance) การจัดการ data sovereignty, encryption, identity
- การย้ายข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Transfer) downtime, bandwidth, data synchronization
- Vendor lock-in ใช้บริการเฉพาะแพลตฟอร์มมากเกินไปจนย้ายออกยาก
การวางแผนล่วงหน้า, testing, monitoring, rollback path และ governance จะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้
บทเรียนจากโลกสู่ไทย อย่ารอจนสาย ค่อยย้ายขึ้นคลาวด์
กรณีของ ธนาคาร CBA แห่งออสเตรเลีย ที่สามารถย้ายระบบ Core Banking ทั้งหมดขึ้น AWS Cloud ได้สำเร็จในปี 2025 คือสัญญาณชัดเจนว่า “แม้องค์กรที่ซับซ้อนและถูกกำกับเข้มงวดที่สุด ก็สามารถเดินหน้าสู่คลาวด์ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ”
สำหรับประเทศไทยเอง นโยบาย “Cloud First” ของภาครัฐ รวมถึงการลงทุนขยาย Data Center จากผู้ให้บริการระดับโลก เช่น AWS, Google Cloud และ Azure กำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่ให้พร้อมรองรับธุรกิจทุกขนาด
องค์กรที่เริ่มวางแผนการย้ายระบบสู่ Cloud ตั้งแต่วันนี้ จะได้เปรียบทั้งด้าน ต้นทุน (Cost Efficiency), ความยืดหยุ่น (Agility) และ ความเร็วในการนำนวัตกรรม (Innovation Readiness) ในขณะที่องค์กรที่ยังรอ อาจต้องเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้น และโอกาสที่หายไปพร้อมคู่แข่งที่เคลื่อนไหวเร็วกว่าหลายเท่า
สรุป
ปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงปีของเทคโนโลยีใหม่ แต่คือ ปีแห่งการตัดสินใจขององค์กร เพราะการย้ายระบบสู่ Cloud ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของโครงสร้างพื้นฐานอีกต่อไป แต่มันคือ “ยุทธศาสตร์” ที่จะกำหนดว่าใครคือผู้นำ หรือผู้ตามในยุค Digital Transformation
องค์กรที่เริ่มย้ายระบบขึ้นสู่คลาวด์ในวันนี้ จะได้เปรียบทั้งด้านต้นทุน ความยืดหยุ่น และความเร็วในการนำนวัตกรรมมาปรับใช้ ส่วนองค์กรที่ยังรอ อาจต้องใช้เวลานานกว่าที่คิดกว่าจะ “ไล่ทัน” ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทุกวินาที เพราะ Cloud ไม่ได้มีไว้แค่ทำให้ระบบทำงานได้ แต่มันทำให้ธุรกิจ “ไปต่อได้” อย่างมั่นคง และยั่งยืน
หากคุณกำลังวางแผนย้ายระบบสู่คลาวด์
THAI DATA CLOUD พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์ที่คุณไว้วางใจได้ ด้วยบริการ Cloud Migration, Backup, Disaster Recovery และ Private Cloud ที่ออกแบบมาเพื่อองค์กรไทยโดยเฉพาะ ทั้ง ยืดหยุ่น ปลอดภัย และคุ้มค่า
🔗 เริ่มต้นวางกลยุทธ์ Cloud ของคุณได้ที่ https://thaidata.cloud/contact/
สอบถามข้อมูลบริการ
- Categories:
- Cloud
หมวดหมู่ที่น่าสนใจ
- Account Settings
- AD Server
- AI
- Alibaba Cloud
- AWS Amazon Web Services
- Campaign
- CentOS/AlmaLinux
- Cloud
- Cloud Backup
- Cloud Communication
- Cloud Server Management
- Cloud Solution
- Cloud Solution for Government
- Cloud Solutions by Industry
- Cloud Storage
- Cloud VPS App Plus +
- Cloud VPS DirectAdmin
- Cloud VPS Plesk
- CSR
- Cyber Security
- Cybersecurity
- Database Server
- DDoS
- Digital Transformation
- Direct Mail
- Directadmin
- Domainname
- Ecommerce
- Generative AI
- Getting Started
- Google Cloud
- Google G Suite
- Huawei Cloud
- IT News
- Linux Server
- Manual
- Microsoft
- Microsoft Azure
- News
- On-premise
- Promotion
- Recommend Solution (Enterprise)
- Server
- SMS
- THAI DATA CLOUD Platform
- Ubuntu
- Ubuntu
- Uncategorized
- VPS Server
- Web Design
- Web Hosting
- Web Hosting (DirectAdmin)
- Web Hosting (Plesk)
- Web Technologies
- Windows Server
- Wordpress
- Zimbra
- เรื่องราวความประทับใจ
- โซลูชันสำหรับธุรกิจการผลิตและยานยนต์
- โซลูชันสำหรับธุรกิจการศึกษา
- โซลูชันสำหรับธุรกิจการเงิน
- โซลูชันสำหรับธุรกิจขนส่งและกระจายสินค้า
- โซลูชันสำหรับธุรกิจค้าปลีก
- โซลูชันสำหรับธุรกิจท่องเที่ยว
- โซลูชันสำหรับธุรกิจบริการสุขภาพและโรงพยาบาล
- โซลูชันสำหรับธุรกิจประกันภัย
- โซลูชันสำหรับธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค
- โซลูชันสำหรับธุรกิจสื่อสารมวลชนและเอ็นเตอร์เทนเมนท์
- โซลูชันสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
- โซลูชันสำหรับธุรกิจเทคโนโลยี