ลดความยุ่งยากในการใช้คลาวด์ พูดคุยกับเจ้าหน้าที่

Cloud Storage
Home Object vs File vs Block Storage – ทำความรู้จัก Cloud Storage แต่ละประเภท

Object vs File vs Block Storage – ทำความรู้จัก Cloud Storage แต่ละประเภท

Cloud Storage คือบริการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถบันทึก, เข้าถึง, และจัดการข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบเดิม เช่น ฮาร์ดดิสก์หรือเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวในองค์กร ข้อมูลใน Cloud Storage จะถูกเก็บไว้ใน Data Center ของผู้ให้บริการ และสามารถเข้าถึงได้ผ่านโปรโตคอลหรืออินเทอร์เฟซต่าง ๆ เช่น แอปพลิเคชัน, เว็บเบราว์เซอร์, หรือ API

Cloud Storage

Cloud Storage สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ตามรูปแบบการจัดการและการใช้งาน คือ Block Storage, File Storage และ Object Storage

1. Block Storage

Block Storage

Block Storage เป็นรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลที่ข้อมูลถูกแบ่งออกเป็น “บล็อก” (Blocks) ขนาดเล็ก โดยแต่ละบล็อกจะได้รับที่อยู่เฉพาะ (Unique Address) และถูกจัดเก็บในระบบที่ไม่มีโครงสร้างไฟล์หรือโฟลเดอร์แบบดั้งเดิม ข้อมูลที่จัดเก็บใน Block Storage สามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์หรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ได้โดยตรงผ่านโปรโตคอล เช่น iSCSI หรือ Fibre Channel

Block Storage มักใช้สำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น ฐานข้อมูล (Database) หรือ Virtual Machines (VMs) เนื่องจากมีความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลและประสิทธิภาพที่สูง

โครงสร้างของ Block Storage

Data Block

  • ข้อมูลที่ถูกบันทึกจะถูกแบ่งออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ หรือ “บล็อก” แต่ละบล็อกมีขนาดเท่า ๆ กัน (เช่น 512KB หรือ 1MB)

Logical Unit Number (LUN)

  • บล็อกข้อมูลถูกจัดกลุ่มไว้ในหน่วยที่เรียกว่า LUN เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อและจัดการข้อมูลกับเซิร์ฟเวอร์

Storage Network

  • Block Storage มักถูกเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายเฉพาะ เช่น SAN (Storage Area Network) หรือ iSCSI ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเสถียรในการรับส่งข้อมูล

ไม่มี Metadata

  • ข้อมูลใน Block Storage ไม่มี Metadata ติดมา ทำให้ผู้ใช้งานต้องพึ่งพาแอปพลิเคชันที่ทำหน้าที่จัดระเบียบข้อมูล

ข้อดีของ Block Storage

ความเร็วและประสิทธิภาพสูง

ให้ความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลสูง เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพ

ยืดหยุ่นในการจัดการ

กำหนดค่าขนาดของแต่ละ Block และปรับการใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการของแอปพลิเคชัน

รองรับการใช้งานหลากหลาย

เหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเซิร์ฟเวอร์สำหรับการประมวลผลหนัก หรือ Virtual Machines

เชื่อมต่อโดยตรง

สามารถติดตั้งและเชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการหรือเซิร์ฟเวอร์ได้โดยตรง ทำให้ใช้งานได้ทันที

ปรับขยายได้ง่าย

สามารถขยายพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้โดยไม่กระทบต่อการทำงานของระบบ

ลักษณะการใช้งานของ Block Storage

1. ระบบฐานข้อมูล (Database Systems) Block Storage เหมาะกับการจัดเก็บข้อมูลที่มีการเข้าถึงบ่อยและต้องการความเร็ว เช่น ระบบฐานข้อมูล SQL หรือ NoSQL

2. Virtual Machines (VMs) ใช้สำหรับการจัดเก็บข้อมูลของเครื่องเสมือน (Virtual Machines) ในระบบ Virtualization เช่น VMware หรือ Hyper-V

3. แอปพลิเคชันที่ต้องการ IOPS สูง การประมวลผลข้อมูลที่ต้องการการอ่าน/เขียนข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เช่น ระบบ ERP หรือ Big Data

4. การสำรองข้อมูล (Backup and Restore) ใช้สำหรับการสำรองข้อมูลและการกู้คืนข้อมูลในระบบที่ต้องการการทำงานที่รวดเร็ว

5. การพัฒนาแอปพลิเคชันระดับองค์กร เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลที่มีความซับซ้อนและต้องการการจัดการแบบละเอียด

2. File Storage

File Storage

File Storage หรือที่เรียกกันว่าการจัดเก็บไฟล์ (File-Based Storage) เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลที่ข้อมูลจะถูกจัดระเบียบในรูปแบบของไฟล์และโฟลเดอร์ในลำดับชั้น (Hierarchical Structure) เช่นเดียวกับการใช้งานในระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ทั่วไป (Windows, macOS, Linux) การเข้าถึงข้อมูลใน File Storage จะใช้โปรโตคอลมาตรฐาน เช่น NFS (Network File System) หรือ SMB (Server Message Block)

File Storage ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการแชร์ข้อมูลและการเข้าถึงข้อมูลร่วมกันในเครือข่าย จึงเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความเรียบง่าย เช่น การเก็บไฟล์เอกสาร, รูปภาพ, และข้อมูลสำนักงาน

โครงสร้างของ File Storage

Hierarchical Structure (ลำดับชั้น)

  • ไฟล์ถูกจัดเก็บในรูปแบบโฟลเดอร์และไฟล์ย่อย
  • ผู้ใช้งานสามารถสร้าง, ลบ, หรือย้ายไฟล์ได้ตามความต้องการ

File Metadata

  • แต่ละไฟล์จะมี Metadata เช่น ชื่อไฟล์, วันที่สร้าง, ขนาดไฟล์, และสิทธิ์การเข้าถึง

Network Access

  • File Storage มักถูกแชร์ในเครือข่ายและสามารถเข้าถึงผ่านโปรโตคอลมาตรฐาน เช่น NFS หรือ SMB

Path-Based Access

  • การเข้าถึงไฟล์ใช้เส้นทาง (Path) เช่น /home/documents/report.pdf

ข้อดีของ File Storage

การใช้งานง่าย

ผู้ใช้งานทั่วไปคุ้นเคยกับการจัดการไฟล์ในรูปแบบโฟลเดอร์และไฟล์

การแชร์ข้อมูล

สามารถแชร์ข้อมูลกับผู้ใช้หลายคนในเครือข่ายได้อย่างสะดวก

ความเข้ากันได้สูง

รองรับระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันส่วนใหญ่ผ่านโปรโตคอลมาตรฐาน

เหมาะสำหรับข้อมูลขนาดเล็กถึงขนาดกลาง

เช่น เอกสาร, รูปภาพ, และไฟล์โปรเจกต์

จัดการสิทธิ์การเข้าถึงง่าย

สามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึง (Permissions) ตามระดับผู้ใช้หรือกลุ่มได้

ลักษณะการใช้งานของ File Storage

การแชร์ไฟล์ในองค์กร (File Sharing) : เหมาะสำหรับการใช้งานในทีมที่ต้องการแชร์ไฟล์เอกสารหรือข้อมูลระหว่างกัน

เก็บข้อมูลสำนักงาน (Office Data Storage) : เช่น ไฟล์ Excel, Word, PowerPoint หรือข้อมูลการดำเนินงาน

ระบบสำรองข้อมูล (Backup) : ใช้สำหรับสำรองไฟล์หรือข้อมูลส่วนบุคคล

ระบบสื่อและความบันเทิง (Media and Content Storage) : จัดเก็บไฟล์เสียง, วิดีโอ, หรือภาพถ่ายสำหรับการแชร์หรือการใช้งาน

Web Hosting และ Content Management Systems (CMS) : ใช้เก็บไฟล์ที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ เช่น ไฟล์ HTML, CSS, หรือสื่อที่ใช้ในเว็บไซต์

ข้อจำกัดของ File Storage

การขยายตัวจำกัด : ไม่เหมาะกับข้อมูลขนาดใหญ่มาก (Big Data) เพราะโครงสร้างไฟล์จะยุ่งยากเมื่อมีจำนวนไฟล์มาก

ประสิทธิภาพต่ำเมื่อเทียบกับ Block Storage : เมื่อมีการเข้าถึงข้อมูลพร้อมกันหลายครั้ง ประสิทธิภาพอาจลดลง

ไม่เหมาะกับการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data) : เช่น ข้อมูลจาก IoT หรือ Big Data

3. Object Storage

Object Storage

Object Storage เป็นรูปแบบการจัดเก็บข้อมูลที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยข้อมูลทุกหน่วย (Object) จะถูกจัดเก็บพร้อมกับ Metadata (ข้อมูลเกี่ยวกับข้อมูล) และมีตัวระบุเฉพาะ (Unique Identifier) ที่ช่วยให้สามารถค้นหาและเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับการจัดเก็บข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data) เช่น ไฟล์มัลติมีเดีย, บันทึกอุปกรณ์ IoT, หรือข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)

Object Storage มักถูกใช้งานในระบบคลาวด์ เนื่องจากสามารถขยายตัวได้ไม่จำกัด (Scalable) และมีความคุ้มค่าในการจัดเก็บข้อมูลที่เข้าถึงไม่บ่อย

โครงสร้างของ Object Storage

Object

  • ข้อมูลจริง (Data): ข้อมูลที่จัดเก็บ เช่น ไฟล์ภาพ, วิดีโอ, หรือไฟล์สำรอง
  • Metadata: ข้อมูลรายละเอียดของ Object เช่น ชื่อไฟล์, วันที่สร้าง, หรือข้อมูลเฉพาะที่กำหนดเอง
  • Unique Identifier: ตัวระบุเฉพาะสำหรับการค้นหาและเข้าถึง Object โดยไม่พึ่งโครงสร้างไฟล์หรือโฟลเดอร์

Flat Structure

  • ไม่มีการจัดเก็บแบบลำดับชั้น (Hierarchical) ข้อมูลทั้งหมดถูกจัดเก็บในระดับเดียวกัน

Storage Pool

  • Object ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในพื้นที่จัดเก็บรวมกัน (Storage Pool) ที่สามารถขยายได้ไม่จำกัด

Access via APIs

  • การเข้าถึงข้อมูลใน Object Storage มักใช้ API เช่น RESTful API แทนการเข้าถึงผ่านระบบไฟล์

ข้อดีของ Object Storage

ความสามารถในการขยาย

ขยายพื้นที่จัดเก็บได้ไม่จำกัด รองรับข้อมูลในระดับ Petabytes หรือมากกว่านั้น

ยืดหยุ่นในการจัดการ Metadata

สามารถเพิ่ม Metadata ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการค้นหาหรือวิเคราะห์ข้อมูล

รองรับข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง

เหมาะสำหรับการจัดเก็บไฟล์มัลติมีเดีย, Log Files, หรือข้อมูล IoT

คุ้มค่าและประหยัดต้นทุน

ต้นทุนการจัดเก็บต่อหน่วยต่ำ เหมาะสำหรับข้อมูลที่เข้าถึงไม่บ่อย

ความทนทานสูง

ข้อมูลถูกกระจายสำรองไว้ในหลายโหนด (Nodes) หรือหลาย Data Center เพื่อลดความเสี่ยงจากการสูญหาย

เข้าถึงข้อมูลผ่าน API ได้

การเข้าถึงข้อมูลสะดวกและเหมาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการการประมวลผลข้อมูลแบบเรียลไทม์

ลักษณะการใช้งานของ Object Storage

สำรองและเก็บข้อมูลระยะยาว (Backup & Archiving) : ใช้จัดเก็บข้อมูลที่ไม่จำเป็นต้องเข้าถึงบ่อย เช่น ไฟล์สำรองข้อมูลองค์กรหรือเอกสารประวัติศาสตร์

เก็บข้อมูลมัลติมีเดีย (Media Storage) : เหมาะสำหรับเก็บไฟล์ภาพ, วิดีโอ, หรือเสียงในแพลตฟอร์มที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บขนาดใหญ่

ระบบ Big Data และ IoT : ใช้จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ที่มาจากอุปกรณ์ IoT หรือแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับ Big Data

ระบบคลาวด์เนทีฟ (Cloud-Native Applications) : แอปพลิเคชันที่พัฒนาสำหรับระบบคลาวด์โดยเฉพาะ เช่น ระบบ Content Delivery Network (CDN)

Data Lake : ใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ในรูปแบบที่ยังไม่ผ่านการจัดการ

ข้อจำกัดของ Object Storage

ไม่เหมาะสำหรับการเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่ต้องการความเร็วสูง : เช่น ฐานข้อมูลที่ต้องอ่าน/เขียนข้อมูลบ่อย

ต้องใช้ API ในการเข้าถึงข้อมูล : ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยตรงเหมือนระบบไฟล์แบบดั้งเดิม

สรุป : การเลือกใช้งาน Cloud Storage

Cloud Storage

การเลือกใช้ Cloud Storage ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและความต้องการขององค์กร:

  • Block Storage: สำหรับระบบที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและการตอบสนองรวดเร็ว
  • File Storage: เหมาะกับการแชร์ไฟล์ร่วมกันในองค์กรและงานที่ต้องใช้งานข้อมูลแบบเรียลไทม์
  • Object Storage: ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับข้อมูลขนาดใหญ่ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการจัดเก็บและเข้าถึง

ข้อมูลบริการ Cloud Storage ของ THAI DATA CLOUD

Cluster Structure Downtime 0%
ไม่ล่มแม้แต่วินาทีเดียว

ต่อเนื่องเป็นเวลา 6 ปี ตั้งแต่ 2019 - ปัจจุบัน

การันตีคุณภาพการทำงานได้ตลอดเวลา ไม่มีสะดุด พร้อมสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจคุณอย่างเต็มที่!